การใช้ MACD เพื่อหาการ Divergence ของกราฟ

by admin
0 comment

การใช้ MACD เพื่อหาการ Divergence ของกราฟ

เราจะพบว่าการเคลื่อนที่ของ MACD นั้นสัมพันธ์กันกับ กราฟ หรือราคา แต่จะมีบางช่วง หากสังเกตดีๆ MACD จะไม่สัมพันธ์กับ กราฟ อย่างชิ้นเชิง การแยกตัวออกจากกันของ MACD กับ ราคา Divergence มีอยู่ 2 รูปแบบ นั่นก็คือ

  1. Bullish Divergence : จะเกิดขึ้นเมื่อ MACD มีการปรับตัวสวนทางกับราคา โดยจะมีลักษณะ ปรับตัวลงก่อน และสูงขึ้น แต่กราฟ กลับ ลงต่อเนื่อง เป็นการเตือนเราว่ากราฟที่ดำเนินทิศทางใดอยู่กำลังจะเปลี่ยนทิศทาง

จุดสังเกต บริเวณที่ขีดเส้น 
กราฟราคา ทำ         Lower Low
MACD      ทำ         Lower High

 

2. Bearish Divergence : จะเกิดขึ้นเมื่อ MACD มีการปรับตัวสวนทางกับราคา โดยจะมีลักษณะปรับตัวสูงขึ้นก่อนและลดระดับลงมาก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นอีกรอบแต่ต่ำกว่าก่อนหน้า ซึ่งตรงข้ามกับ ราคาจริงที่ทำ New High เป็นการเตือนว่าแรงซื้อกำลังจะหมดไปและราคากำลังจะเปลี่ยนทิศทาง

 

จุดสังเกต บริเวณที่ขีดเส้น

ราคาทำ  New High   ทำ Higher High
MACD                   ทำ Higher Low

 

ข้อเสียของ MACD

  • บางครั้งให้สัญญานช้าไป ไม่เหมาะกับกราฟที่เป็น Sideway
  • สัญญานหลอกเกิดขึ้นเยอะ อย่าใช้ใน Time Frame ต่ำ ๆ
  • ควรดูแนวโน้มของกราฟ และ แนวรับหรือแนวต้านให้ดี ก่อนตัดสินใจว่าเป็น การ Divergence ไม่ใช่เอะอะก็คิดว่าเป็น divergence ไปเสียหมด บางครั้งอาจจะถูกแต่ก็แค่ระยะเวลาสั้นๆ เพราะสุดท้ายแล้วกราฟก็ไปตามเทรน
  • การเกิด Bullish Divergence และ Bearish Divergence มักจะเกิดให้เห็นขึ้นบ่อยๆ จะบอกได้ถึงการกลับตัวเพื่อเปลี่ยนแนวโน้มใหม่อีกครั้ง แต่เพื่อความมั่นใจในความถูกต้อง ควรใช้เครื่องมืออื่นมาช่วยยืนยันด้วย ไม่งั้นจะโดนกราฟหลอกบ่อยๆ

 

ทริค พิเศษ

จากประสบการณ์เทรดการเกิด Divergence ของ MACD หรือเครืองมือ indicator อะไรก็ตาม 80% มักจะเกิดรูปแบบ Pattern

  • Double Top
  • Double Bottom
  • V-Shape

“เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมนำไปประยุกต์ใช้ดูนะครับ”

You may also like

Leave a Comment