มี 3 ทางเลือก ที่เทรดเดอร์ต้องเผชิญ
- ควร Buy (Long) ถ้ากราฟเป็นเทรนขาขึ้น
- ควร Sell (Short) ถ้ากราฟเป็นเทรนขาลง
- ควร อยู่เฉยๆไม่ทำการใดๆหรือไม่ควรเทรดนั้นเอง เมื่อกราฟเป็นลักษณะ Sideways (Range)
ถึงแบบนั้นแล้วแม้ว่าเรารู้จักว่าเทรนเป็นเทรนขาขึ้นหรือเทรนขาลง แล้วก็ตามเราก็ยังมีการสับสนว่าเทรนนั้นที่แท้จริงเป็นเป็นอะไร จึงมีแนวคิดแบ่งประเภทของเทรนให้ดูเป็นตัวอย่างดังนี้
ประเภทของ เทรน
- เทรนหลัก Major Trend
มากกว่า 1 ปี - เทรนระยะกลาง Intermediate Trend
3 สัปดาห์ – 3 เดือน - เทรนระยะสั้น Near Term Trend
น้อยกว่า 3 สัปดาห์
การเคลื่อนไหวของ เทรน
การเคลื่อนไหวหลัก (Major Movement)
มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลามากกว่า 1 ปี หรือ หลายปีก็ได้และสามารถเป็นได้ทั้งตลาดขาขั้นและขาลง
การเคลื่อนไหวกลาง (Secondary Movement)
เป็นการพักฐานในเทรนหลักเป็นเวลา 3 สัปดาห์ – 3 เดือน หรือ ครึ่งปี และมักจะเคลื่อนไหวประมาณ 30-60% ของการเคลื่อไหวก่อนหน้านี้
การเคลื่อนไหวระยะสั้น (Minor Movement)
เป็นการพักฐานในเทรนกลาง เป็นเวลาน้อยกว่า 3-4 สัปดาห์ หรือบางคนเรียกว่า Swing Trend หรือสวิงเทรน วิธีการมองเทรนลักษณะนี้มักจะพบบ่อยในการเทรดเป็น Daily Trade
ตัวอย่าง การเคลื่อนไหวของ เทรน 3 ระยะ
จากภาพ
- กราฟเคลื่อนไหวเทรนขาขึ้นยาวในเทรนหลักในทามเฟรม Weekly เป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปี
- มีการพักตัวในระยะกลางในทามเฟรม Daily ในวงกลม
- เทรนย่อยหรือเทรนระยะสั้นที่เกิดในวงกลมเป็นกราฟในทามเฟรม 1 ชั่วโมงการที่กราฟที่ย่อยลงมาจากกราฟเดือน สัปดาห์นั้นก็จะแบ่งแยกย่อยลงไปอีก เราจะตั้งเรียนรู้ว่า กราฟที่เราเทรดหรือถือสถานะอยู่กำลังทำอะไรอยู่ เพราะบางครั้งเราอาจจะสวนเทรนก็เป็นได้
การใช้เทรนมาประยุกต์กับการเทรด
ผมเชื่อว่าหลายๆท่านได้ศึกษา Forex จากที่อื่นมาบ้างและคงได้ยินประโยคที่ ว่า เทรนคือเพื่อนของคุณ หรือ ไม่ก็ พวกคำที่ว่าเราควรเทรดตามเทรน หรือ เราไม่ควรสวนเทรน ใช่ครับ ทฤษฎีมันเป็นแบบนั้น แต่ โลกของ Forex มัน Real time มัน 24 ชั่วโมง มือใหม่ หรือ ไม่ว่ามือเก๋าก็ตาม ล้วนต่างเสาะหาวิธีทำกำไรอย่างต่อเนื่องจากกราฟที่วิ่งอยู่ มันจึงเกิดเป็นเทคนิคคอลต่าง ๆ ตามช่วงเวลาที่กราฟวิ่งไปตามเทรน หรือ พักตัว หรือ เปลี่ยนเทรน บทต่อไปเราจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับ การเกิดแนวรับและแนวต้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ควรรู้และต้องทำให้ได้อย่างชำนาญเพื่อการเทรดจะได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น