Channel หรือ Channel Trend

by admin
0 comment

Channel Trend

Channel Trend ถ้าแปลตรงๆก็  “ช่องแนวโน้ม”  ฮ่าๆๆๆ  มันใช่หรอ หรือว่าก็ใช่จริงๆแหละ โอเคร  มันคือช่องทางการวิ่งของราคาของกราฟ ที่เกิดจากการที่เราตีเทรนไลน์

ลักษณะของชาแนวเทรน

ง่ายๆครับมันบอกอยู่แล้วว่าเป็นเทรน ชาแนวเทรนก็จะมี

  • ชาแนวเทรนขาขึ้น
  • ชาแนวเทรนขาลง
  • ชาแนวเทรนแนวราบ Range หรือ Sideways

วิธีการลากชาแนวเทรน  สำหรับผม มันมีอยู่ 2 วิธี

  1. ลากเทรนไลน์ Low –> Lower Low หรือ High –> Higher High แล้วทำการ Copy เส้นใดเส้นหนึ่งไว้ฝั่งตรงข้าม  ณ จุดสูงจุดระหว่าง จุดที่ 1 กับ จุดที่ 2
  1. เทรนไลน์แบบปกติ Low–>Lower low หรือ High –> Higher High  ในแนวเดียวกันโดยไม่ต้อง Copy

ตัวอย่างชาแนวเทรนขาขึ้น

 

คำอธิบายภาพ

  1. ลากจากจุดที่ 1 ไปยังจุดที่ 2 แล้วลากยาวไปเรื่อยๆไม่รู้ถึงไหนแล้ว
  2. ทำการ Copy เส้นเทรนไลน์ที่ได้จากข้อ 1 ไปไว้จุดสูงที่สุด
    ระหว่างจุดที่ 1 กับจุดที่ 2
  3. ตลอดแนวเส้นนี้จะเป็นชาแนวเทรนขาขึ้น
  4. สังเกตราคาบริเวณตำแหน่งที่ 4-5 จะติดชาแนวเทรนพอสมควร

การเข้าซื้อจากชาแนวเทรนขาขึ้น แน่นอนครับเราต้องซื้อ Buy แนะนำให้ซื้อบริเวณ High ที่กราฟได้ทำไว้นั่นก็คือ ราคาบริเวณตำแหน่งที่ 3  แล้ว Stop loss บริเวณ Low ตำแหน่งที่ 2 แล้วก็ Take Profit ที่ตำแหน่งที่ 4

ตัวอย่างชาแนวเทรนขาลง

 

คำอธิบายภาพ

  1. ลากจากจุดที่ 1 ไปยังจุดที่ 2 แล้วลากยาวไปเรื่อยๆไม่รู้ถึงไหนแล้ว
  2. ทำการ Copy เส้นเทรนไลน์ที่ได้จากข้อ 1 ไปไว้จุดต่ำที่สุด
    ระหว่างจุดที่ 1 กับจุดที่ 2
  3. ตลอดแนวเส้นนี้จะเป็นชาแนวเทรนขาลง
  4. สังเกตราคาบริเวณตำแหน่งที่ 3 จะเป็นจุดต่ำสุดเก่าและเป็นแนวรับในอดีตและเป็นแนวต้านสำหรับชาแนวเทรนขาลง

การเข้าซื้อจากชาแนวเทรนขาลง แน่นอนครับเราต้องซื้อ Sell แนะนำให้ซื้อบริเวณ Low เดิม ที่กราฟได้ทำไว้นั่นก็คือ ราคาบริเวณตำแหน่งที่ 3  แล้ว Stop loss บริเวณ High ตำแหน่งที่ 2 แล้วก็ Take Profit ที่ตำแหน่งที่ 4

 

ตัวอย่างชาแนวเทรน Range หรือ Sideways

คำอธิบายภาพ

  1. ลากจากจุดที่ 1 ไปยังจุดที่ 2 Copy เส้นไว้จุดที่ 3 เราไม่รู้ว่าราคาจะร่วงมาที่ตำแหน่ง x แล้วจะเด้งขึ้น
  2. เราไม่รู้ว่าราคาที่เด้งขึ้นจะกลับไปเทสที่ตำแหน่งไหน แต่เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาต้องมาบริเวณเส้นเทรนไลน์หรือบริเวณตำแหน่ง Y ได้
  3. เราไม่รู้ว่าราคาที่มาเทสที่ตำแหน่ง Y จะร่วงแต่ถ้าร่วงเราก็คาดการณ์ว่าต้องไปถึงตำแหน่งเทรนไลน์ หรือ ตำแหน่ง Z ได้

การเข้าซื้อจากชาแนว Sideways เอาจริงสภาวะตลาดแบบนี้ไม่ค่อยน่าเล่นนักเพราะเราได้แค่เดา เป็นส่วนใหญ่ถ้าจะเล่นแนะนำให้เล่น Time Frame ใหญ่ๆ แนะนำ 4 ชั่วโมงขึ้นไปแล้วก็รอให้กราฟเทสสัก 2 ครั้งให้เป็นรูป V ก่อนแล้วค่อยเดาต่อไปว่าจะเป็นรูปตัว W หรือ M โดยการซื้อก็ให้ซื้อสวน เช่นชนแนวรับให้บาย ชนแนวต้านให้ Sell

 

สิ่งที่ควรสังเกตจากการลากเทรนไลน์

  1. ทิศทาง : เมื่อเราลากเป็นเราจะรู้ว่ากราฟมันถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งทันที มันจะบอกเราได้เลยว่าเราควรเทรดตามแนวโน้มใด ถ้าราคาอยู่บนเส้นเหนือเส้นก็เล่น Buy ถ้าราคาอยู่ใต้เส้น ก็เล่น Sell
  2. ความชัน : กราฟเวลาขึ้นหรือลงสังเกตนะครับว่า เวลาเราลากเทรนไลน์ กราฟง่ายๆจะเป็นลักษณะ เพิงหมาแหงนหรือ 45 องศา ส่วนกราฟที่ ยากๆก็จะเป็น 60-80 องศา ที่ทำให้ยากต่อการตีความ
  3. ความไกล้หรือไกล : จุดนี้เป็นจุดที่ต้องใช้ประสบการณ์ล้วนๆและเทคนิคอื่นเข้ามาผสม เพราะบางทีราคาก็วิ่งไม่ถึงเทรนไลน์ก็กลับตัว หรือ บางที ก็ชนพอดี
  4. การ Breakและชนเทรน : การเบรกตัวของราคาบนเส้นเทรนไลน์หรือชาแนวเทรน มันบอกได้หลายอย่าง ตัวอย่างเช่น ถ้าเบรกแปลว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวโน้ม หรือถ้าไม่ผ่าน จะเป็นการกลับตัว ทั้งสองเหตุการณ์นี้ เราต้องใช้ประสบการณ์เพื่อวิธีการทำกำไร

บทสรุปเรื่องการใช้เทรนไลน์และชาแนวเทรน

ถ้าจะให้พูดมันก็คือศิลปะการเทรดก็ว่าได้ การลากเทรนไลน์ถือเป็นศาสตร์และศิลป์ ที่ผู้ศึกษากราฟจะต้องใช้ทฤษฏีผสมกับจินตนาการไปด้วย อย่างที่บอกครับ มันไม่มีผิดไม่มีถูก   การลากเทรนไลน์ บางคนใช้ไส้เทียน บางคนใช้ราคาปิด เปิดจากกราฟ Line Charts  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจุดมุ่งหมายในการลากเทรนไลน์หรือชาแนว ก็เพื่อจะหาแนวทางการเทรด ว่าราคาตอนนี้กำลังอยู่ในเทรนอะไร ชาแนวเทรนอะไร ตลอดจนเป็นไอเดียการเทรด ว่ากราฟราคาจะติดบริเวณแนวรับหรือแนวต้านไหน  เพราะเทรนไลน์และ ชาแนวเทรน ก็จะมีแนวรับแนวต้านที่พอดิบพอดี กับ แนวรับแนวต้านที่เราคาดไม่ถึงเช่นกัน

สำหรับเรื่องเทรนไลน์และชาแนวเทรนหากจะต้องยกตัวอย่างก็คงต้องเป็น 20-30 ตัวอย่าง ในบทนี้จะยกตัวอย่างเทรนไลน์และชาแนวเทรนไลน์ที่เป็นขาขึ้นซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีขาลง ไม่ใช่ขี้เกียจอธิบายนะครับ เพราะด้วยประสบการณ์ เวลาใช้เทรนไลน์ขาขึ้นหรือชาแนวเทรนขาขึ้น กราฟจะสวยกว่า ขาลง  เพราะเทรนขาลงหรือชาแนวขาลงเนี่ย องศาของ
เทรน จะไม่สวย แต่รูปแบบต่างๆมันก็จะตรงกับขาขึ้นทั้งหมด อยากให้ผู้อ่านลองทดสอบด้วยตัวเองนะครับ เพราะว่าการขีดเขียนเทรนไลน์ มันต้องใช้ประสบการณ์ และการทำบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่ครั้ง 2 ครั้ง หรือ แค่ 1-2 เดือน แต่มันเป็นทุกๆวันที่เราอยู่ในตลาด การสั่งสมประสบการณ์ มันจะสามารถทำให้เราคาดเดากับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีเอามากๆ

You may also like

Leave a Comment