Gap หรือที่เราเรียกว่า แก็บ เกิดขึ้นจากการผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นในตลาด โดยทั่วไปแล้วที่เรามองแบบผิวเผินจะมีอยู่แค่ 2 ลักษณะ
- Gap Up (แก็บขาขึ้น)
- Gap Down (แก็บขาลง)
Gap Up หรือ Gap Down เกิดขึ้นจากการผันผวนของราคาในตลาด ส่วนใหญ่มักเกิดจากข่าวเศรษฐกิจที่เป็นข่าวใหม่ๆ มากระตุ้นกราฟจากเทรนเดิม มักเกิดขึ้นก่อนตลาดปิดทำการในวันนั้นๆ ตัวอย่างในภาพเช่น วันที่ 1 ราคาปิดตัวลงในวันศุกร์และ วันที่ 2 ได้เปิดราคาแบบกระโดดขึ้นไปในวันจันทร์ มีช่องว่าระหว่างนั้น เรียกว่าแก็บ โดยแก็บพวกนี้จะมีนัยยะสำคัญ ในส่วนของ แก็บขาลงก็จะตรงข้ามกับแก็บขาขึ้น แค่สลับความผันผวนจากดีเป็นร้าย กราฟจึงร่วงลงต่อ และ GAP ทั้ง 2 ประเภทนั้น จะกลายเป็นแนวรับและแนวต้านในอนาคตอีกด้วย
Types of Gaps (ประเภทของแก็บ)
Gap หรือช่วงว่างระหว่างราคา ที่ใช้ในทางเทคนิคคอลบ่อยๆ และมีนัยยะสำคัญในการตีความ หรือ ใช้ในการวิเคราะห์กราฟของเหล่าเทรดเดอร์สามารถพบเห็นในตลาดบ่อยสุดจะมีอยู่ 3-4 ประเภท ดังนี้
1. Common Gap หรือ Area Gap
2. Breakaway Gap
3. Continuation Gap หรือ Runaway Gap
4. Exhaustion Gap
1. Common Gap
ถ้าราคากำลังวิ่งขึ้นลงระหว่างแนวรับแนวต้าน หรือราคา Sideway ไม่มี Volume ซื้อขาย แล้วเจอราคากระโดดเป็น Gap อยู่ในแนวรับแนวต้าน ไม่ว่าจะ Gap Up หรือ Gap Down ให้คิดไว้ก่อนว่า เป็น Common Gap และไม่ต้องทำอะไร
2. Breakaway Gap
ถ้าราคากำลังวิ่งขึ้นลงระหว่างแนวรับแนวต้าน หรือราคา Sideway แล้วราคาขยับเข้าใกล้แนวรับ หรือแนวต้าน แล้วราคากระโดดข้ามแนวรับ หรือแนวต้านไปเลย ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็น Breakaway Gap แล้วดูใน Time Frame ที่เล็กลงไป ดู Throwback หรือ Pullback ที่จะเกิดขึ้นหลังจากการเปิดกระโดด เมื่อ Throwback หรือ Pullback จบแล้ว ราคาขยับ New High หรือ New Low ไปในทิศทางที่กระโดด เกิด Entry Signal ก็จะเป็นจังหวะเข้าได้
3. Continuation Gap หรือ Runaway Gap
Continuation Gap และ Exhaustion Gap เมื่อเปิดกระโดดแล้วจะมีปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้น ทั้งสองกรณี แต่จะต่างกันที่ Continuation Gap จะมีปริมาณซื้อขาย ตามทิศทางที่กระโดด แต่ Exhaustion Gap จะมีปริมาณซื้อขายตรงข้ามกับทิศทางที่กระโดด
4. Exhaustion Gap
Exhaustion Gap ที่เปิดกระโดดขึ้น แต่จะพบ Volume Sell มากขึ้น แล้วเทขายกดราคาลงมาจนราคาปิด Gap แล้วก็ลงแรงเลย ถ้าเปิดกระโดดลง จะพบ Volume Buy เข้ามาซื้อมากขึ้นๆ ค่อยๆเติมซื้อ จนราคายกขึ้นมาปิด Gap แล้วราคาก็วิ่งขึ้นหลังจาก ปิด Gap ถ้าราคาวิ่งมาไกลแล้ว ราคาเปิดกระโดด ไม่ว่ากระโดดขึ้น หรือกระโดดลง ให้สงสัยว่าเป็น Exhaustion Gap ไว้ก่อน แล้วดู Volume กับ Throwback หรือ Pullback ใน Time Frame ที่เล็กลงไป ถ้าเห็นมี Volume สวนกับทิศทาง และราคาเริ่มปิด Gap เป็นการยืนยันการเป็น Exhaustion Gap เมื่อปิด Gap แล้วราคาจะวิ่งไปอย่างแรง แสดงว่าเกิด Exit Signal
Filling the Gap (ฟิลลิ่ง แก็บ)
Filling the Gap เป็นแก็บประเภทที่ไม่ค่อยมีความสำคัญนัก แต่ก็เป็นจุดลับสายตาที่คนมักมองข้ามไป ถ้าคนที่ศึกษากราฟไปนานๆจะพบว่า ไม่ว่า แก็บ เกิดขึ้นตรงไหน สักวันนึงหรือเวลาใดเวลาหนึ่ง ราคามักกลับมาปิดแก็บ หากจะมองหาแก็บประเภทนี้เราสามารถเห็นได้บ่อยในทามเฟรมเล็กๆ แต่ก็สามารถพบในทุกทามเฟรมเช่นกัน